ผมได้มีโอกาสได้ศึกษาเกี่ยวกับ Cloud Computing ผ่านทาง POC ที่ขอเข้ามา Present ตัว Product กับทางบริษัท ก็พอจะให้คำนิยามกับมันได้ว่า เป็นการนำเครื่องคอมพิวเตอร์จำนวนมากมาเชื่อมต่อเข้าไว้ด้วยกัน โดยคอมพิวเตอร์ทั้งหมดที่อยู่ภายในกลุ่ม Cloud นี้อาจไม่จำเป็นต้องติดตั้งอยู่ในสถานที่เดียวกัน แต่อาจมีการเชื่อมต่อผ่านเครือข่ายสื่อสารความเร็วสูง และที่สำคัญก็คือ เหล่าบรรดาคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันเองนี้ อาจไม่จำเป็นมีฮาร์ดแวร์และระบบปฏิบัติการเหมือนกันไปทั้งหมด ยกตัวอย่างเช่น ในกลุ่ม Cloud หนึ่งๆ อาจมีทั้งเครื่องพีซี และเครื่องแอปเปิล หรือมองอีกมุมหนึ่ง ระบบปฏิบัติการ (Operating System หรือ OS) ที่ใช้อาจมีอยู่หลายชนิด เป้าหมายของการนำเครื่องคอมพิวเตอร์มาเชื่อมต่อกันเช่นนี้ ก็เพื่อจะดึงพลังในการประมวลผล (Processing) ของคอมพิวเตอร์ทั้งหมดมาประสานกัน เพื่อนำไปใช้จัดการงานประมวลผลใหญ่ๆ ที่แต่เดิมอาจต้องใช้เครื่องคอมพิวเตอร์คุณภาพสูง ต้นทุนมหาศาล แต่กับเทคโนโลยี Cloud Computing แล้ว ผู้ลงทุนสามารถลดต้นทุน และหันมาใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ราคาประหยัดมาทำงานร่วมกันแทน ซึ่งมีคำที่เกี่ยวข้องอีก คือ
- Cloud Provider หมายถึงผู้ให้บริการระบบ Cloud
- Cloud Storage คือสถานที่เก็บทรัพยากรสำหรับระบบ Cloud
สำหรับ Cloud Computing นั้น ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องสนใจเลยว่าระบบเบื้องล่างทำงานอย่างไร ประกอบไปด้วยทรัพยากร(resource) อะไรบ้าง ผู้ใช้แค่ระบุความต้องการ(requirement) จากนั้นบริการ(service) ก็เพียงให้ผลลัพธ์แก่ผู้ใช้ ส่วนบริการจะไปจัดการกับทรัพยากรอย่างไรนั้นผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องรับรู้หรือสนใจเลย นั่นก็สรุปได้ว่า ผู้ใช้มองเห็นแค่เพียงบริการซึ่งทำหน้าที่เสมือนซอฟต์แวร์ที่ทำงานตามโจทย์ของผู้ใช้ โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องรับทราบถึงทรัพยากรที่แท้จริงว่ามีอะไรบ้างและถูกจัดการเช่นไร หรือไม่จำเป็นต้องทราบว่าทรัพยากรเหล่านั้นอยู่ที่ไหน
ในปัจจุบันเราจะพบว่าเราอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานอินเตอร์เน็ตมากขึ้น ไม่ใช่แค่เพียง chat, เช็ค email หรือเปิดหน้าเว็บเพื่ออ่านข่าวเท่านั้น หากแต่เป็นการใช้งานเพื่อเข้าสังคมผ่านGroup และ Web board รวมไปถึง Blog ส่วนตัว และ Community อย่าง Hi5 หรือ Facebook รวมไปถึงการแชร์ไฟล์ต่างๆไม่ว่าจะแชร์รูปภาพผ่านFlickr แชร์วิดีโอผ่านYoutube รวมไปถึงการเข้าไปใช้งานapplicationต่างๆที่ออนไลน์บนโลกอินเตอร์เน็ต อย่างที่ Hi5 และ Facebook ได้บริการ application แบบต่างๆไว้ให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งไว้บนหน้าเว็บส่วนตัวได้ และอย่างที่ Google ได้เตรียม Google Doc ไว้เป็นโปรแกรมสร้างเอกสารที่สามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา
เราจะเห็นตัวอย่างของ Web 2.0 ที่เป็นจุดพลิกผลันให้เกิด Cloud Computing ได้จาก Google Apps ที่รวมapplicationต่างๆ ผ่านจุดเดียว รวมไปถึงบริการที่มีอยู่มากมาย ตั้งแต่ search engine, gmail, google , google doc, google calendar, google maps, google reader และ blogger เป็นต้น และเมื่อไหร่ก็ตามที่บริการและ applicationต่างๆ เหล่านี้ทำงานร่วมกันเสมือนเป็นระบบเดียว รวมไปถึงสามารถแชร์ทรัพยากรและใช้งานร่วมกันระหว่างผู้ใช้อื่นๆได้ก็จะทำให้เกิด Cloud computing ขึ้นมาในที่สุด และตัวอย่างของความสำเร็จนี้เกิดขึ้นจริงแล้ว ในกรณีระหว่าง Salesforce.com และ Google ได้ร่วมมือกันสร้างเครือข่ายดังกล่าวขึ้นเพื่อการทำงานร่วมกันระหว่างพนักงานขายของบริษัทเดียวกันหรือแม้แต่ระหว่างบริษัท ทำให้เพิ่มประสิทธิภาพในการขายสินค้าและบริการได้มากยิ่งขึ้น
ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นชัด ก็น่าจะมองได้ว่า ธุรกิจ Cloud Computing ก็เหมือนกับสาธารณูปโภคพื้นฐานต่างๆ เช่น ไฟฟ้า น้ำประปา ซึ่งเป็นของส่วนกลาง ประชาชนหรือผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องลงทุนสร้างเครื่องปั่นไฟหรือเครื่องทำน้ำประปาสำหรับใช้ในบ้านเรือนของตนเอง หากแต่มีหน่วยงานกลาง เช่น การไฟฟ้า หรือการประปา เป็นผู้รับผิดชอบลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าและโรงประปา แล้ววางโครงข่ายเพื่อจ่ายไฟฟ้าและน้ำประปานั้นมาสู่บ้านเรือนหรืออาคารสถานที่ธุรกิจ ผู้บริโภคมีหน้าที่เพียงชำระค่าบริการ โดยมีการทำสัญญากันเป็นหลักฐานระหว่างผู้ประกอบการ ซึ่งก็คือการไฟฟ้า และการประปา กับผู้บริโภคแต่ละราย ในบางสังคมที่มีผู้ประกอบการไฟฟ้า หรือประปา มากกว่าหนึ่งราย ผู้บริโภคก็มีทางเลือกที่จะเปลี่ยนตัวผู้ให้บริการได้หากไม่พึงพอใจในคุณภาพการให้บริการ หรือเมื่อพบว่าผู้ประกอบการรายอื่นๆ เสนอทางเลือกหรือโปรโมชั่นที่ตนถูกใจมากกว่า ซึ่งเมื่อขยายความไปถึงสาธารณูปโภคอื่นๆ เช่น โรงพยาบาล โทรศัพท์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ อินเทอร์เน็ต ฯลฯ ก็จะเห็นได้ว่า Cloud Computing ก็กำลังอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างกัน
โดยสรุปแล้ว Cloud Computing นั้นมาจากคำว่า Cloud ซึ่งหมายถึงสัญลักษณ์แทน Internet และ Computing หรือการประมวลผล เมื่อนำคำว่า Cloud และ Computing มารวมกันก็คือ การประมวลผลผ่าน Network หรือ Internet โดยที่ผู้ให้บริการจะจัดเตรียมทรัพยากรสำหรับการประมวลผลและการจัดการ ผู้ใช้บริการเพียงเข้าไปซื้อหรือเช่าใช้บริการเท่าที่ต้องการใช้ โดยไม่ต้องคำนึงถึงเรื่องการจัดการ ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการขยายตัวของระบบ, ความเสถียรภาพของระบบ หรืออื่นๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น